ประวัติบริษัท
-
2537
ก่อตั้งบริษัทฯ ขึ้นด้วยทุนจดทะเบียน 2 ล้านบาท ในชื่อ “บริษัท โกลบอล คอนเน็คชั่นส์ จำกัด” เมื่อวันที่ 27 กันยายน 2537
-
2538
บริษัทฯ ได้รับการแต่งตั้งเป็นตัวแทนจำหน่ายเม็ดพลาสติก HDPE ของบริษัท บางกอกโพลีเอทีลีน จำกัด (มหาชน) และมีการเพิ่มทุนจดทะเบียนเป็น 5 ล้านบาท
-
2539
บริษัทฯ ได้รับการแต่งตั้งจาก บริษัท เอสซีจี พลาสติก จำกัด (เดิมชื่อ บริษัท ซีซีซี ค้าเคมีภัณฑ์ จำกัด) ให้เป็นตัวแทนจำหน่าย ซึ่งเป็นการเริ่มต้นการค้ากับกลุ่มปิโตรเคมีของปูนซิเมนต์ไทย โดยในขณะนั้นบริษัทฯ ยังเป็นตัวแทนจำหน่ายที่มียอดขายเป็นอันดับ 17 ของ บริษัท เอสซีจี พลาสติก จำกัด และยังได้รับการแต่งตั้งจาก Eastman Chemical ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของการเป็นตัวแทนจำหน่ายสินค้า เกรดพิเศษ (Specialty Product) และการทำการค้ากับบริษัทข้ามชาติ หลังจากนั้นก็มีบริษัทระดับโลกหลายรายก็ได้ติดต่อให้บริษัทฯ เป็นตัวแทนจำหน่ายสินค้า และบริษัทฯ ได้มีการเพิ่มทุนเป็น 10 ล้านบาท
-
2540
บริษัทฯ มีการเพิ่มทุนเป็น 20 ล้านบาท เพื่อรองรับการขยายตัวของบริษัทฯ และบริษัทฯ ได้รับแต่งตั้งให้เป็นตัวแทนจำหน่ายของ Dupont Engineering Polymers ที่เป็นผู้ผลิตเม็ดพลาสติก POLYAMIDE 66 หรือ NYLON 66 ที่ใหญ่ที่สุดในโลก และตัวแทนจำหน่ายของ Chi Mei Corporation ผู้ผลิต ABS รายใหญ่ที่สุดของโลก
-
2541
ได้รับแต่งตั้งจาก Ciba Specialty Chemical ซึ่งเป็นบริษัทผู้ผลิตสินค้าสารเติมแต่งสำหรับอุตสาหกรรมพลาสติกระดับโลก และ Owen Corning Australia PTY ผู้ผลิต Fiber Glass ให้เป็นตัวแทนจัดจำหน่าย และเพิ่มทุนเป็น 30 ล้านบาท
-
2542
ได้รับแต่งตั้งจากบริษัทสยามโพลีสไตรีน จำกัด (ประเทศไทย) (Dow Chemical Thailand บริษัทเคมีและพลาสติกชั้นนำของโลก) และ Cabot Plastics Hongkong Ltd. ผู้ผลิต Masterbatch สีดำ และ Carbon Black ที่ใหญ่ที่สุดในโลก ให้เป็นตัวแทนจำหน่าย บริษัทฯ มีการเพิ่มทุนเป็น 50 ล้านบาท และทำยอดขายได้เกิน 500 ล้านบาทเป็นครั้งแรก
-
2543
ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นตัวแทนจำหน่ายของ Advance Elastomer Systems (AES) หลังจากการควบรวมกิจการปัจจุบันเปลี่ยนชื่อเป็น Exxon Mobil ซึ่งเป็นผู้ผลิตเม็ดพลาสติก PP ผสมยางที่ใหญ่ที่สุดในโลกแต่งตั้งให้บริษัทฯ เป็นตัวแทนจำหน่ายและบริษัทฯ มีการขยายวงเงินสินเชื่อจาก 3 ธนาคารเป็น 6 ธนาคาร ทำให้สามารถขยายฐานลูกค้าได้เป็นจำนวนมาก ยอดขายของบริษัทฯ ในปี 2543 เพิ่มขึ้น 57% จาก ปี 2542 นั่นคือเพิ่มจาก 542 ล้านบาทเป็น 849 ล้านบาท
-
2544
บริษัทฯ มียอดขายเกินหลักพันล้านบาทเป็นครั้งแรก โดยมียอดขายในปี 2544 เท่ากับ 1,116 ล้านบาท และบริษัทฯ เพิ่มทุนจดทะเบียนจาก 50 ล้านบาทเป็น 80 ล้านบาท เพื่อรองรับการเจริญเติบโตของบริษัทฯ
-
2546
บริษัทฯ มีการเพิ่มทุนเป็น 100 ล้านบาท และย้ายที่ตั้งคลังสินค้ามาอยู่บริเวณที่ตั้งปัจจุบันที่ถนนกิ่งแก้ว ซึ่งเป็นที่ตั้งยุทธศาสตร์เนื่องจากอยู่ใกล้ลูกค้า มีความสะดวกรวดเร็ว และประหยัดค่าใช้จ่ายในการขนส่งจากแหล่งผลิตในประเทศที่นิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด หรือสินค้าที่นำเข้าจากต่างประเทศผ่านทางท่าเรือน้ำลึกแหลมฉบัง และบริษัทฯ ยังได้รับการแต่งตั้งให้เป็นตัวแทนจำหน่ายจากบริษัท ไทยพลาสติกและเคมีภัณฑ์ จำกัด (มหาชน) ผู้ผลิต PVC ที่ใหญ่ที่สุดในอาเซียน.
-
2547
บริษัทฯ ยังได้รับการแต่งตั้งให้เป็นตัวแทนจำหน่ายจาก Exxon Mobil ซึ่งเป็นบริษัทที่ผลิตปิโตรเคมีที่ใหญ่ที่สุดในโลก และ Rio Tinto Mineral Asia Pte., Ltd. เพื่อให้เกิดความสะดวกรวดเร็วในการดำเนินงาน บริษัทฯ จึงได้ย้ายที่ตั้งของสำนักงานใหญ่มาอยู่ที่เดียวกับคลังสินค้าบริษัทฯ มีการจัดประชุมคณะกรรมการบริษัทครั้งที่ 15/2547 เมื่อวันที่ 22 พฤศจิกายน 2547 โดยมีมติให้จ่ายเงินปันผลจำนวน 78 ล้านบาท และเพิ่มทุนจดทะเบียนและเรียกชำระ(ในคราวเดียวกัน) อีก 55 ล้านบาท เป็น 155 ล้านบาท ต่อมาที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นครั้งที่ 1/2547 และ 2/2547 เมื่อวันที่ 30 พฤศจิกายน 2547 และ 17 ธันวาคม 2547 ตามลำดับ มีมติอนุมัติเงินปันผล และการเพิ่มทุนดังกล่าว
-
2548
บริษัทฯ ได้จัดให้มีการประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2548 เมื่อวันที่ 1 มีนาคม 2548 โดยผู้ถือหุ้นได้มีการลงมติให้
1.เปลี่ยนแปลงมูลค่าที่ตราไว้จาก 100 บาทต่อหุ้น เป็น 1 บาทต่อหุ้น
2.ยืนยันการแปรสภาพเป็นบริษัทมหาชน
3.เพิ่มทุนจดทะเบียนเป็น 200 ล้านบาท โดยเพิ่มทุนจำนวน 45 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้ 1 บาทต่อหุ้น เพื่อเสนอขายต่อประชาชน โดยมอบหมายให้คณะกรรมการบริษัทมีอำนาจในการพิจารณาและกำหนด รายละเอียดในการเสนอขายหุ้นดังกล่าว ต่อมา บริษัทฯ ได้ทำการเปลี่ยนแปลงมูลค่าที่ตราไว้ ทำการจดทะเบียนแปรสภาพ และเปลี่ยนชื่อบริษัทฯ เป็น บริษัท โกลบอล คอนเน็คชั่นส์ จำกัด (มหาชน) เรียบร้อย เมื่อวันที่ 17 มีนาคม 2548 เมื่อวันที่ 7 มิถุนายน 2548 ที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นครั้งที่ 1/2548 มีมติให้แก้ไขการจัดสรรหุ้นเพิ่มทุนจำนวน 45 ล้านหุ้นใหม่ ดังนี้
1.หุ้นสามัญจำนวน 1.1 ล้านหุ้น ให้เสนอขายต่อกรรมการ ผู้บริหาร และพนักงานของบริษัทฯในราคาเท่ากับมูลค่า ของงวดปีบัญชี 2547 ซึ่งเท่ากับ 1.03 บาทต่อหุ้น
2.หุ้นสามัญจำนวน 43.9 ล้านหุ้น ให้เสนอขายต่อประชาชน โดยมอบหมายให้คณะกรรมการบริษัทมีอำนาจในการพิจารณาและกำหนดรายละเอียดในการเสนอขายหุ้นดังกล่าว
3.กรรมการ ผู้บริหาร และพนักงานของบริษัทฯ จำนวน 15 รายได้ทำการซื้อหุ้นสามัญจำนวน 1.1 ล้านหุ้น ที่จัดสรรไว้สำหรับกรรมการ ผู้บริหาร และพนักงานของบริษัทฯ ในวันที่ 8-14 มิถุนายน 2548 และบริษัทฯ ได้ทำการจดทะเบียนการเพิ่มทุนดังกล่าวเรียบร้อยแล้วในวันที่ 28 มิถุนายน 2548 ทำให้บริษัทฯ มีทุนจดทะเบียนชำระแล้วเป็น 156.1ล้านบาท
4.บริษัทได้รับอนุญาตจากสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์ และตลาดหลักทรัพย์ (กลต.) ให้เสนอขายหุ้นต่อประชาชนทั่วไปเมื่อวันที่ 15 พฤศจิกายน 2548 โดยได้เปิดให้มีการจองซื้อหุ้นระหว่างวันที่ 21-23 พฤศจิกายน 2548 และเมื่อวันที่ 28 พฤศจิกายน 2548 บริษัทได้จดทะเบียนเพิ่มทุนชำระแล้วต่อกระทรวงพาณิชย์ จาก 156.1 ล้านบาท เป็น 200 ล้านบาท
5.เมื่อวันที่ 6 ธันวาคม 2548 ได้เปิดให้มีการซื้อขายหุ้นสามัญของบริษัทในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เป็นครั้งแรก ในหมวดปิโตรเคมี ภายใต้ชื่อย่อ “GC” -
2549
ได้รับเอกสารแต่งตั้งอย่างเป็นทางการจาก Nanocor, Inc. ซึ่งเป็นผู้ผลิตสินค้าสารเติมแต่งสำหรับอุตสาหกรรมพลาสติก และ BASF CATALYSTS LLC. (เดิมชื่อ Engelhard corporation) ผู้ผลิตสินค้า Catalyst
-
2550
ลงนามร่วมกับ ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) ในสัญญาการให้การสนับสนุนทางการเงินในโครงการ K – Dealer Financing เมื่อวันที่ 6 มิถุนายน 2550 โดยธนาคารจะสนับสนุนวงเงินสินเชื่อหมุนเวียนให้กับลูกค้าของบริษัท เพื่อความสะดวก และประสิทธิภาพในการบริหารจัดการทางการเงิน ฉลองครบรอบ 10 ปีความสัมพันธ์ในฐานะพันธมิตรทางการค้ากับบริษัท DuPont เมื่อวันที่ 13กันยายน 2550 ณ โรงแรมสุโขทัย
-
2551
ร่วมกับ Dupont, Eastman และ Dainippon Ink and Chemicals, Incorporated (DIC) จัดสัมมนาเรื่อง Metal & Glass Replacement ณ. ห้องประชุมบริษัท โดยทางบริษัทได้เชิญลูกค้าของบริษัท และผู้ที่สนใจในกลุ่มอุตสาหกรรม Automotive industries, Packaging industries,Packaging industries, E/E industries และ Sporting goods industries เพื่อเป็นการแนะนำผลิตภัณฑ์เก่าและใหม่, เพื่อให้ลูกค้ามีความรู้ และเข้าใจในผลิตภัณฑ์ที่สามารถนำพลาสติกไปใช้แทน โลหะ หรือ แก้ว กับสินค้าของตนเองได้ บริษัท ได้รับการติดต่อจาก DIC ให้เป็นตัวแทนจำหน่ายสินค้าเกรดพิเศษ PPS (Polyphynielene Sulfide) ที่ใช้แทนโลหะในอุตสาหกรรมยานยนต์ อีเลคโทรนิคส์และเครื่องใช้ไฟฟ้า
-
2552
บริษัท ได้รับการแต่งตั้งเป็นตัวแทนจำหน่ายสินค้าเกรดพิเศษ ประเภทสารเติมแต่งจากบริษัท AKZO NOBEL POLYMER CHEMICALS BV จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทในกลุ่มของ AKZO NOBEL จากประเทศเนเธอร์แลนด์
-
2553
ได้รับการแต่งตั้งเป็นตัวแทนจำหน่ายของบริษัท BST Elastomers จำกัด ในสินค้าประเภท Polybutadiene Rubber และ Styrene Butadiene Rubber ในขณะเดียวกัน สิ้นสุดการต่อสัญญาการเป็นตัวแทนจำหน่ายของ BASF เนื่องจากการทับซ้อนของผลิตภัณฑ์
-
2554
ได้รับการแต่งตั้งจาก Timcal Ltd. เป็นผู้แทนจำหน่ายผลิตภัณฑ์ Graphite ซึ่งเป็นสารเติมแต่งสำหรับ โพลีเมอร์ เป็นตัวแทนจำหน่ายของบริษัท Miliken Chemical ซึ่งเป็นผู้ผลิตสารเติมแต่งที่ใช้ในการปรับปรุงคุณสมบัติของ Polyethelene และ Polypropylence จากประเทศสหรัฐอเมริกา เป็นตัวแทนจำหน่ายของบริษัท Imerys Mineral จากประเทศฝรั่งเศส ในการเป็นผู้แทนจำหน่ายผลิตภัณฑ์ประเภท Talcum (Imerys Mineral ดำเนินธุรกิจเหมืองแร่ 117 เหมืองครอบคลุมแร่มากกว่า 30 ชนิด ได้รับซื้อหน่วยธุรกิจ Talcum จาก Rio Tinto Mineral ในเดือนสิงหาคม 2554)
-
2555
บริษัท ยุติบทบาทการเป็นตัวแทนจำหน่ายสินค้าของบริษัท เอสซีจี พลาสติกส์ จำกัด ด้วยความเห็นพร้องร่วมกัน ในขณะเดียวกัน ได้จัดหาสินค้าทดแทน โดยได้รับการแต่งตั้งเป็นตัวแทนจำหน่ายสินค้าให้กับบริษัท จีซี มาร์เก็ตติ้ง โซลูชั่นส์ จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทในเครือของกลุ่ม ปตท โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม 2555 เป็นต้นไป
-
2556
มีการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างกรรมการและการถือหุ้นของผู้ถือหุ้นเดิม โดยคุณศิริ ฐิรวัฒนวงศ์ ได้ลาออกจากการเป็นกรรมการบริษัท เนื่องจากต้องการเกษียณอายุการทำงานก่อนกำหนดโดยมีผลเมื่อวันที่ 1 ตุลาคม 2556
-
2557
บริษัทได้ลงนามความร่วมมือด้านการพัฒนาผลิตภัณฑ์ และการตลาดกับบริษัท เทคโนกรีน จำกัด เมื่อวันที่ 31 มีนาคม 2557 สำหรับสินค้านวัตกรรมใหม่ในการขจัดตะกรัน โดยใช้วัตถุดิบที่ย่อยสลายได้ในธรรมชาติ เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ภายใต้แบรนด์ Micro-Nice ในโอกาสนี้ ถือเป็นส่วนหนึ่งของการพัฒนาธุรกิจให้มีการเติบโตอย่างยั่งยืน โดยการสร้างความยั่งยืนของสิ่งแวดล้อมเข้าสู่กระบวนการทำธุรกิจอย่างเป็นรูปธรรม
บริษัทได้รับบัตรส่งเสริมการลงทุนจากคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน เลขที่ 2109/2557 ลงวันที่ 9 กันยายน 2557 โดยได้รับการส่งเสริมการลงทุนในกิจการประเภท 7.12 กิจการศูนย์จัดหาจัดซื้อชิ้นส่วนและผลิตภัณฑ์ระหว่างประเทศ (International Procurement Office - IPO) -
2558
รศ. เชาวลีย์ พงศ์ผาติโรจน์ แจ้งความประสงค์ขอลาออกจากการเป็นกรรมการ กรรมการตรวจสอบ และกรรมการอิสระของบริษัท ด้วยเหตุผลด้านสุขภาพ โดยคณะกรรมการบริษัทมีมติแต่งตั้ง คุณธานี พุฒิพันธุ์พฤทธิ์ เป็นกรรมการ กรรมการตรวจสอบ และกรรมการอิสระแทนการลาออก และการแต่งตั้ง มีผลวันเดียวกันในวันที่ 1 มกราคม 2559
-
2559
ณ วันที่ 15 มิถุนายน 2559 บริษัท โกลบอล คอนเน็คชั่นส์ จำกัด (มหาชน) ลงทุนในโครงการ ผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ชนิดติดตั้งบนหลังคาอาคาร (PV Solar Rooftop) กำลังการผลิตติดตั้ง 114.35 กิโลวัตต์ เพื่อจำหน่ายไฟฟ้าให้กับการไฟฟ้านครหลวง อายุสัมปทานคงเหลือ 23 ปี
-
2560
บริษัทได้รับการรับรองให้เป็นสมาชิกของโครงการแนวร่วมปฏิบัติ (Collective Action Coalition against corruption) ของภาคเอกชนไทยในการต่อต้านการทุจริต เมื่อวันที่ 10 พฤศจิกายน 2560 เพื่อส่งเสริมการประกอบธุรกิจปราศจากการผูกขาด เน้นการใช้ระบบกลไกตลาดและการแข่งขันด้วยราคาและคุณภาพสินค้าเป็นหลัก และส่งเสริม/ผลักดันให้เกิดการประกอบธุรกิจอย่างโปร่งใส ซึ่งเป็นโครงการที่ได้รับการสนับสนุนการจัดตั้งโดยรัฐบาลและสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) และดำเนินการจัดตั้งโดยความร่วมมือของ 8 องค์กรชั้นนำในภาคเอกชนไทย ได้แก่ สมาคมส่งเสริมสถาบันกรรมการบริษัทไทย (IOD) หอการค้าไทย หอการค้าต่างชาติ สมาคมบริษัทจดทะเบียนไทย สมาคมธนาคารไทย สภาธุรกิจตลาดทุนไทย สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย และสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย
จากการสำรวจการกำกับดูแลกิจการของบริษัทจดทะเบียน บริษัทได้รับการประเมินอยู่ในรายชื่อ บริษัทที่มีคะแนนระดับ “ ดีเลิศ ” (Excellent) จากสมาคมส่งเสริมสถาบันกรรมการบริษัทไทย และได้รับรางวัลบริษัทจดทะเบียน “ ดีเด่น ” ด้านนักลงทุนสัมพันธ์ (Investor Relations Awards) สำหรับบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดไม่เกิน 3,000 ล้านบาท จากงาน SET Award 2560 -
2561
บริษัทได้ เข้ารับมอบโล่รางวัลและประกาศนียบัตรรับรองความสามารถทางนวัตกรรมและองค์กรนวัตกรรมยอดเยี่ยม (INNOVATIONORGANIZATION) ประจำปี 2561 จากการเป็นองค์กรที่มีการส่งเสริมทางด้านนวัตกรรมอย่างต่อเนื่อง เพื่อองค์กรที่เติบโตอย่างยั่งยืน เมื่อวันที่ 5 ตุลาคม 2561 ณ ฮอลล์ 98 ศูนย์นิทรรศการและการประชุมไบเทค บางนา จากการสำรวจการกำกับดูแลกิจการของบริษัทจดทะเบียน บริษัทได้รับการประเมินอยู่ในรายชื่อบริษัทที่มีคะแนนระดับ “ดีเลิศ” (Excellent) จากสมาคมส่งเสริมสถาบันกรรมการบริษัทไทย เป็นปีที่ 2 ต่อเนื่องจากปี 2560
-
2562
จากการสำรวจการกำกับดูแลกิจการของบริษัทจดทะเบียน บริษัทได้รับการประเมินอยู่ในรายชื่อบริษัทที่มีคะแนนระดับ “ดีเลิศ” (Excellent) จากสมาคมส่งเสริมสถาบันกรรมการบริษัทไทย เป็นปีที่ 3 ต่อเนื่องจากปี 2560
ดร.พิสิฐ ลี้อาธรรม แจ้งความประสงค์ขอลาออกจากการเป็นกรรมการ ประธานกรรมการตรวจสอบ และกรรมการอิสระของบริษัท เมื่อวันที่ 17 กรกฎาคม 2562 โดยคณะกรรมการบริษัทมีมติแต่งตั้ง คุณชนิตร ชาญชัยณรงค์ เป็นกรรมการ กรรมการตรวจสอบ เข้าดำรงตำแหน่งแทนตามวาระที่ คงเหลืออยู่ และได้แต่งตั้งคุณธานี พุฒิพันธุ์พฤทธิ์ เป็นประธานกรรมการตรวจสอบ โดยมีผลนับตั้งแต่วันที่ 9 สิงหาคม 2562 เป็นต้นไป
บริษัทได้รับรางวัลบริษัทจดทะเบียนดีเด่น และได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัล Investor Relations Awards ในกลุ่ม Business Excellence สำหรับบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดไม่เกิน 3,000 ล้านบาท จากงาน SET AWARD 2562 เมื่อวันที่ 26 พฤศจิกายน 2562 ณ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
บริษัทจัดทำโครงการสะสมหุ้นสำหรับพนักงาน (Employee Joint Investment Program : EJIP) ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2562 – 31 ธันวาคม 2564 รวมระยะเวลา 3 ปี -
2563
บริษัทมีการลงทุน ซื้อคลังสินค้าขนาดพื้นที่ประมาณ 4,500 ตารางเมตร ส่งผลให้มีความสามารถในการจัดเก็บสินค้าได้เพิ่มขึ้นมากกว่า 3,300 ตัน
บริษัทได้รับการต่ออายุสมาชิกของโครงการแนวร่วมปฏิบัติ (Collective Action Coalition against corruption) ของภาคเอกชนไทยในการต่อต้านการทุจริต โดยมีผลเมื่อวันที่ 30 กันยายน 2563 และครบกำหนดอายุการรับรอง 3 ปี ในวันที่ 30 กันยายน 2566
จากการสำรวจการกำกับดูแลกิจการของบริษัทจดทะเบียน บริษัทได้รับการประเมินอยู่ในรายชื่อบริษัทที่มีคะแนนระดับ “ดีเลิศ” (Excellent) จากสมาคมส่งเสริมสถาบันกรรมการบริษัทไทย เป็นปีที่ 4 ต่อเนื่องจากปี 2560
-
2564
คุณธานี พุฒิพันธุ์พฤทธิ์ แจ้งความประสงค์ขอลาออกจากการเป็นกรรมการ ประธานกรรมการตรวจสอบ และกรรมการอิสระของบริษัท เมื่อวันที่ 10 พฤศจิกายน 2564 โดยคณะกรรมการบริษัทมีมติแต่งตั้ง คุณวิระ มาวิจักขณ์ เป็นกรรมการตรวจสอบ เข้าดำรงตำแหน่งแทนตามวาระที่คงเหลืออยู่ และได้แต่ตั้งคุณสุชาติ ศุภพยัคฆ์ เป็นประธานกรรมการตรวจสอบ โดยมีผลนับตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2565 เป็นต้นไป
บริษัทจัดทำโครงการสะสมหุ้นสำหรับพนักงาน (Employee Joint Investment Program#2 : EJIP#2) ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2565 – 31 ธันวาคม 2567 รวมระยะเวลา 3 ปี -
2565
บริษัทจดทะเบียนเปลี่ยนแปลงมูลค่าหุ้นที่ตราไว้จากเดิมหุ้นละ 1 บาท เป็น 0.50 บาท จำนวนหุ้นสามัญของบริษัท เปลี่ยนแปลงจาก 200,000,000, หุ้น เป็น 400,000,000 หุ้น
บริษัทเพิ่มทุนจดทะเบียนของบริษัทจำนวน 20,000,000 บาท (ยี่สิบล้านบาท) จากทุนจดทะเบียนเดิม 200,000,000 บาท (สองร้อยล้านบาท) เป็นทุนจดทะเบียนใหม่ 220,000,000 บาท (สองร้อยยี่สิบล้านบาท) โดยการออกหุ้นสามัญเพิ่มทุน จำนวน 40,000,000 (สี่สิบล้านหุ้น) มูลค่าที่ตราไว้ 0.50 บาท (ห้าสิบสตางค์) เพื่อรองรับการจ่ายปันผลเป็นหุ้นสามัญ
บริษัทได้รับแต่งตั้งเป็นตัวแทนจำหน่ายให้กับ Celanese Pte Ltd. ในสินค้ากลุ่ม Thermoplastic Vulcanizate (TPVs) และ ได้รับการแต่งตั้งเป็นตัวแทนจำหน่ายให้กับ Magris Talc USA, Inc.
คณะกรรมการบริษัท มีมติในที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท ครั้งที่ 4/2565 เมื่อวันที่ 9 พฤศจิกายน 2565 แต่งตั้งคณะกรรมการบริหารความเสี่ยงและความยั่งยืนองค์กร
จากการสำรวจการกำกับดูแลกิจการของบริษัทจดทะเบียน บริษัทได้รับการประเมินอยู่ในรายชื่อบริษัทที่มีคะแนนระดับ “ดีเลิศ” (Excellent) จากสมาคมส่งเสริมสถาบันกรรมการบริษัทไทย เป็นปีที่ 6 ต่อเนื่องจากปี 2560
จากการประเมิน คุณภาพการจัดประชุมสามัญผู้ถือหุ้น ประจำปี 2565 (AGM Checklist) บริษัทได้รับคะแนน 100 โดยสมาคมส่งเสริมผู้ลงทุนไทย -
2566
บริษัทได้รับแต่งตั้งเป็นตัวแทนจำหน่ายให้กับ Celanese Pte Ltd. Linyuan Advanced Materials Technologies Co., Ltd. (ไต้หวัน) และ Borouge Pte Ltd. (สิงคโปร์)
บริษัทได้รับการรับรองอุตสาหกรรมสีเขียวระดับ 2 (ปฏิบัติการสีเขียว) จากกรมโรงงานอุตสาหกรรม กระทรวงอุตสาหกรรม
บริษัทได้การรับรองต่ออายุเป็นสมาชิก แนวร่วมต่อต้านคอร์รัปชันของภาคเอกชนไทย มีมติให้การรับรองตั้งแต่วันที่ 30 กันยายน 2566 และครบกำหนดอายุการรับรอง 3 ปี ในวันที่ 30 กันยายน 2569
จากการสำรวจการกำกับดูแลกิจการของบริษัทจดทะเบียน บริษัทได้รับการประเมินอยู่ในรายชื่อบริษัทที่มีคะแนนระดับ “ดีเลิศ” (Excellent) จากสมาคมส่งเสริมสถาบันกรรมการบริษัทไทย เป็นปีที่ 7 ต่อเนื่องจากปี 2560
จากการประเมิน คุณภาพการจัดประชุมสามัญผู้ถือหุ้น ประจำปี 2566 (AGM Checklist) บริษัทได้รับคะแนน 100 โดยสมาคมส่งเสริมผู้ลงทุนไทย